หากจะพูดถึงสินค้าแฟชั่นระดับโลกคงหนีไม่พ้น Zara แบรนด์ชั้นนำจากสเปน ที่เหล่านักช้อปทั้งหลายต่างเลือกซื้อหาไปใช้อย่างไม่ลังเล ไม่ว่าจะออกคอลเลคชันไหนก็ต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จากความยากจนของเด็กชายวัยเพียง 14 ปี รับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต กลายมาเป็นมหาอำนาจด้านแฟชั่นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากกลยุทธ์ไม่เหมือนใคร จนกลายมาเป็นเรื่องราวที่น่าติดตาม
จุดเริ่มต้นของ Zara แบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลก
Zara ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาโดย Amancio Ortega ชายชาวสเปนวัย 81 ปี ด้วยฐานะยากจนจึงทำให้ต้องตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อมารับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้า เมื่อได้เรียนรู้และฝึกฝนด้านอุตสาหกรรมนี้มาพอสมควร ในปี ค.ศ. 1972 ก็ได้ก่อตั้งบริษัทของตัวเองขึ้นมาชื่อว่า Confecciones Goa และได้ว่าจ้างผู้หญิงในเมืองประมาณ 100 คนมาทำหน้าที่ตัดเย็บ
ด้วยสไตล์ที่สามารถตอบโจทย์แฟชั่นเทรนด์โลกในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ ทำให้ธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี ค.ศ. 1983 ได้ขยายไปยังหลายเมืองของสเปน และเริ่มเปิดสาขาในต่างประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1988 ที่ประเทศโปรตุเกส หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีมีการเปิดตลาดที่นิวยอร์กและปารีส จนมาถึงปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 2,000 สาขา ใน 93 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีร้านค้าแบบออนไลน์กว่า 45 ประเทศอีกด้วย
ในปัจจุบัน Zara แบรนด์ชั้นนำจากสเปนนี้อยู่ภายใต้กลุ่ม Inditex ที่ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1985 มีแบรนด์ในเครือกว่า 8 แบรนด์ ร้านค้ารวมกันทั่วโลกทั้งหมดกว่า 7,385 ร้าน ทีมงานส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในโซน The Cube ซึ่งภายในนี้มีโรงงานผลิตเสื้อผ้ากว่า 11 แห่ง ระยะห่างกันเพียง 16 กิโลเมตร เชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ
กลยุทธ์ด้านการตลาดที่สำคัญ ทันต่อกระแสโลก
โดยสินค้าของแบรนด์จะถูกนำออกมาวางจำหน่ายอย่างชาญฉลาดด้วยการลงแฟชั่นใหม่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จำนวนจำกัดเพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจและต้องการซื้ออย่างเร่งด่วน เนื่องจากกลัวสินค้าจะหมดสต๊อกโดยไม่รอที่จะให้มีการลดราคา ทำให้มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ที่มักจะลงสินค้าครั้งละมาก ๆ กลายเป็นการปฏิวัติวงการด้านการผลิตเสื้อผ้าที่เรียกกันว่า Fast Fashion เพราะมุมมองของแบรนด์ เห็นว่าสินค้าเหล่านี้เหมือนกับอาหารสดที่มีวันหมดอายุลงได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นจึงใช้วิธีการออกแบบอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Zara แบรนด์ชั้นนำจากสเปนได้ใช้เวลาออกแบบ ผลิต จำหน่ายภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ในขณะที่ยี่ห้ออื่น ๆ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 4 เดือนขึ้นไป เป็นการสร้างความได้เปรียบในการที่จะเพิ่มยอดขายมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังมีการร่วมมือกับ Fur Free Alliance ในการไม่ใช้ขนสัตว์จริง ๆ ในผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของ Zara และยังพยายามพลักดันให้เกิดความเท่าเทียมกันของกลุ่มพนักงานไม่ว่าจะเป็น เพศ เชื้อชาติ สีผิว โดยทำงานภายในกรอบของ United Nations Universal Declaration of Human Rights นอกจากนี้ยังเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับหลายกลุ่ม เช่น Open Business ที่เข้าไปโฟกัสในกลุ่มแรงงาน LGBT เป็นต้น
ความสำเร็จของ Zara แบรนด์ชั้นนำของสเปนที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้นและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ เกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ และใช้กลยุทธ์จากการนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อผลิตสินค้าออกมาได้ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วทันใจ ทำให้เจ้าของแบรนด์กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในยุโรป ด้วยมูลค่าสูงกว่า 84.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
#Zara #แบรนด์ชั้นนำ #สตรีทแฟชั่น